จากการติดตามข้อเท็จจริงจากอินเตอร์เน็ตเพียงบางส่วน จอยมีความคิดเห็นอย่างนี้ค่ะ
เรื่องนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้น ก็มองได้อีกมิติหนึ่งคือ พัฒนาการทางสังคม ว่าเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะสามารถใช้วิธีสมานฉันท์ได้หรือไม่ หรือจะขยายผลออกไปจนเป็นความขัดแย้งระหว่างสัญชาติ ซึ่งต้องยอมรับก่อนว่า แม้เรื่องจุดเริ่มต้นจะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แต่ปัจจัยที่จะส่งผลให้เรื่องนี้จบลงอย่างสันติ หรือ ขยายความขัดแย้งสู่วงกว่้าง นอกจากจะอยู่ที่คู่กรณีแล้ว ก็อยู่ที่การวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคมและการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนด้วย
โดยหลักการสมานฉันท์ เมื่อมีผู้ได้รับความเสียหาย ในกรณีนี้ีผู้เสียหายแสดงออกว่าได้รับความเสียหายทางจิตใจ รู้สึกได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ผู้กระทำผิดได้แสดงออกว่าสำนึกผิดด้วยความจริงใจแล้ว ว่ากระทำไปโดยไม่เจตนา ยอมรับผิดและแสดงการขอโทษ หากผู้เสียหายยอมรับได้ และสามารถอภัยให้ได้ ถ้ามีอะไรที่จะชดเชยความรู้สึกที่เสียไปได้ ก็ควรชดเชยให้ตามความเหมาะสม และยุติความบาดหมาง ฟื้นฟูความสัมพันธ์กันใหม่
"สิ่งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีส่วนสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศได้" ในขณะเดียวกันทั้งสองคนก็จะไม่ต้องรู้สึกเสียใจหากการไม่ยอมปรับความเข้าใจจะนำไปสู่ปัญหาระหว่างประเทศ ที่สำคัญ สังคมและการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยเพราะทุกคนอยู่ในสังคม และคู่กรณีทั้งสองก็เป็นผลผลิตของสังคม